วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554
แร่บางไผ่
วัดโมลี หรือวัดใหม่สุวรรณโมลี ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
โดยประมาณ พระอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงและได้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่อันลือลั่น ได้แก่ หลวงปู่จัน เจ้าอาวาสองค์ที่ 4
ซึ่งมีคำเล่าลือ ถึงวิทยาคมอันแกร่งกล้า ตลอดจนวิชาเล่นแร่แปรธาตุ อันก่อให้เกิดพระปิดตาเนื้อโลหะอันมีเอกลักษณ์
เฉพาะตัว ยากที่ผู้ใดจะทำเลียนแบบได้
หลวงปู่จันได้ค้นพบสายแร่เหล็กจากคลองบางไผ่และบางคูลัด และพบคุณสมบัติพิเศษของแร่ดังกล่าว
ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เหมาะกับการสร้างพระปิดตาที่ทรงอานุภาพทางคงกระพันแคล้วคลาด มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า
หลวงปู่จันได้เพียรพยายามขุดเนื้อแร่ขึ้นมา แต่ขุดเท่าไหร่ก็ไม่พบ เจอแต่เพียงขี้แร่ ถึงกับบ่นว่า "เจ้าแร่ตัวนี้เห็นทีจะ
เป็นตัวผู้ มันถึงออกหากินไกลนัก ในเมื่อยังจับตัวไม่ได้เอาขี้แร่ไปเลี้ยงไว้ก่อนก็ยังดี" ว่าแล้วหลวงปู่ก็ขนขี้แร่ใส่เรือ
กลับวัด แล้วนำไปใส่ตุ่มเรียงรายข้างกุฏิ ใช้น้ำคาวปลาสาดจนขี้แร่งอกเป็นก้อนโตครั้นได้กำหนดก็กะเทาะออกเป็น
ก้อนเล็กๆ ใส่ครกตำ ก่อนนำไปถลุงจนได้เนื้อแร่ตามต้องการ นับเป็นวิธีการเลี้ยงแร่ที่เล่าขานสืบต่อกันมาของหลวง
ปู่จัน
จากการที่พระปิดตาแร่บางไผ่ประกอบไปด้วยขี้แร่จำนวนมาก เนื้อพระเมื่อเย็นตัวลงจะเกิดการหดตัว
ของโลหะไม่เท่ากัน ก่อให้เกิดลอยเล็กๆ เหมือนเสี้ยนตาล อันเป็นที่มีแห่งการพิจารณาความแท้ ดังคำโบราณว่า
" ปิลันทน์ดูไข บางไผ่ดูเสี้ยน "
การสร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ของหลวงปู่จันมีพุทธลักษณะแบบลอยองค์ตรงกลางพระอุระหล่อเป็นรูป
ยันต์ขดไปมาเรียกว่ายันต์นะมหาอุด วิ่งม้วนเล่นหางคล้ายอุณาโลมขรดพระเศียร ด้านหลังเป็นยันต์เฑาะว์ไขว้กัน
ส่วนด้านล่างปรากฏยันต์นะ มะ พะ ทะ กำกับ พระปิดตาแร่บางไผ่มีพิมพ์ที่หลากหลาย เช่นพิมพ์หมวกแก๊ป พิมพ์
เศียรตัด พิมพ์เศียรโต พิมพ์มีหู และอีกมากมายหลายพิมพ์ ซึ่งมักจะไม่ซ้ำแบบกันอันเนื่องมาจากการปั้นหุ่นเทียนที
ละองค์นั่นเอง
พระปิดตาแร่บางไผ่ จัดสร้างขึ้นจากแร่พิเศษ มีคำร่ำลือว่าเฉพาะก้อนแร่ก็มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว
คุณสมบัติของแร่บางไผ่จะเปราะ ในองค์พระถ้าไล่ขี้แร่ไม่หมดจะปรากฏเป็นเสี้ยนคล้ายเสี้ยนตาล ซึ่งเกิดจากปฏิกริยา
ของโลหะที่เย็นตัวไม่เท่ากัน ส่วนในองค์พระที่ไล่ขี้แร่หมดจะมีรอยเสี้ยนเป็นจุดเล็กๆ ถี่ยิบ ที่คนโบราณเรียกว่าเสี้ยน
แตง หมายถึง เป็นรอยถี่ๆ เหมือนเนื้อในของแตงโม เมื่อส่องดูจะเป็นประกาย กรรมวิธีการจัดสร้างใช้ทำหุ่นเทียนที
ละองค์เช่นเดียวกับพระปิดตาเนื้อโลหะอื่นๆ ดังนั้นลักษณะและขนาดตลอดจนน้ำหนักของพระแต่ละองค์จะไม่เท่ากัน
พระปิดตาแร่บางไผ่นี้ชนวนจะอยู่บนองค์พระ กรรมวิธีการสร้างสันนิษฐานว่าอาจจะมีการแลกเนื้อโลหะกันกับหลวง
ปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงปู่ทับ วัดทอง และหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก เพราะเคยพบพระปิดตาทั้งสามวัด เป็นเนื้อแร่
บางไผ่และพบประปิดตาแร่บางไผ่ เนื้อสำริดเงินหรือเมฆสิทธิ์ แต่พบน้อยมาก พระปิดตาแร่บางไผ่สามารถจำแนก
พิมพ์ออกได้ ดังนี้
1. พิมพ์หมวกแก๊ป พระเศียรคล้ายสวมหมวกแก๊ป
2. พิมพ์เศียรตัด ไม่มีกระจังหน้า ด้านบนเป็นรอยตัดเรียบ
3. พิมพ์เศียรโต คล้ายพิมพ์เศียรตัด แต่พระเศียรใหญ่กว่า
4. พิมพ์ทองหยอด มีพุทธลักษณะยาวรีคล้ายขนมทองหยอด
5. พิมพ์ปิดตาไม่โยงก้น
6. พิมพ์อื่นๆ เช่น ลูกเกด เนื้อแร่ ไม่วางยันต์ เป็นต้น
พระปิดตาแร่บางไผ่นี้ นิ้วพระหัตถ์จะเป็นรอยเฉาะคมลึกชัดเจนบ้าง บางองค์เสี้ยนแร่จะทับกันไปเป็น
ทางจนแทบไม่เห็นร่องนิ้วก็มี ส่วนเส้นยันต์จะเป็นเส้นคล้ายเส้นขนมจีน และมักจะพบสนิมแดงทุกองค์
--------------------------------------------------------------------------------
ด้วยคำร่ำลือ สืบเนื่องมาแต่โบราณกาล จนกระทั่งปัจจุบัน(พุทธศักราช 2545) นับเป็นเวลากว่า 100 ปี
ถึงพุทธานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระปิดตาแร่บางไผ่ หลวงปู่จัน วัดโมลี ซึ่งเกือบจะกลายเป็นตำนาน เนื่องจากหาพระปิด
ตาแร่บางไผ่แท้ๆ ชมได้ยากเต็มที ในสมัยก่อนนั้น มีผู้ที่ศรัทธาในพระปิดตาแร่บางไผ่ นำพระสมเด็จวัดระฆัง ไปแลกถึง
จังหวัดนนทบุรีแต่เจ้าของพระปิดตาไม่ยอมแลกเปลี่ยนด้วย เพราะต่างหวงแหนและทราบถึงอานุภาพคุณวิเศษแห่งพระ
ปิดตาเป็นอย่างดี ก็เพราะในความเชื่อมั่นในพุทธคุณ ที่หลวงปู่จันได้บรรจงรังสรรไว้อย่างพิถีพิถันในทุกกระบวนวิธีการ
สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ของท่าน
ราคาเช่าบูชาในปัจจุบันนั้นสูงถึง 200,000 - 300,000 บาท หรืออาจถึง 400,000 - 500,000 บาท
เลยทีเดียว ในพิมพ์นิยมสูงสุด (พิมพ์หมวกแก๊ป) ในสถาพสวยแชมป์หรือซึ่งอาจมีเงิน แต่ไม่สามารถที่จะหาพระปิดตา-
แร่บางไผ่นี้ไว้ครอบครองได้
http://www.siristore.com/Products/Bangpai_1.asp
ประวัติความเป็นมาในการสร้างพระปิดตา
วัดโมลี หรือวัดใหม่สุวรรณโมลี ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยประมาณ พระอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงและได้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่อันลือลั่น ได้แก่ หลวงปู่จัน เจ้าอาวาสองค์ที่ 4 ซึ่งมีคำเล่าลือ ถึงวิทยาคมอันแกร่งกล้า ตลอดจนวิชาเล่นแร่แปรธาตุ อันก่อให้เกิดพระปิดตาเนื้อโลหะอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยากที่ผู้ใดจะทำเลียนแบบได้ พระปิดตาของท่านได้ติดอันดับเบญจภาคีพระปิดตาเนื้อโลหะ ซึ่งในประเทศไทยมี ดังนี้
1.พระปิดตา หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ฯ บางขุนเทียน กรุงเทพ ฯ
2.พระปิดตา หลวงปู่ทับ วัดสุวรรณาราม ( วัดทอง ) กรุงเทพ ฯ
3.พระปิดตา หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม
4.พระปิดตา กรุท้ายย่าน จ.ชัยนาท
5.พระปิดตาเนื้อแร่บางไผ่ หลวงปู่จัน วัดโมลี อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ศักดิ์สิทธิ์ของ'แร่บางไผ่
หลวงปู่จันได้ค้นพบสายแร่เหล็กจากคลองบางไผ่และบางคูลัด และพบคุณสมบัติพิเศษของแร่ดังกล่าวที่มีความศักดิ์สิทธิ์เหมาะกับการสร้างพระปิดตาที่ทรงอานุภาพทางคงกระพันแคล้วคลาด
มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า หลวงปู่จันได้เพียรพยายามขุดเนื้อแร่ขึ้นมา แต่ขุดเท่าไหร่ก็ไม่พบ เจอแต่เพียงขี้แร่ ถึงกับบ่นว่า "เจ้าแร่ตัวนี้เห็นทีจะเป็นตัวผู้ มันถึงออกหากินไกลนัก ในเมื่อยังจับตัวไม่ได้เอาขี้แร่ไปเลี้ยงไว้ก่อนก็ยังดี" ว่าแล้วหลวงปู่ก็ขนขี้แร่ใส่เรือกลับวัด แล้วนำไปใส่ตุ่มเรียงรายข้างกุฏิ ใช้น้ำคาวปลาสาดจนขี้แร่งอกเป็นก้อนโตครั้นได้กำหนดก็กะเทาะออกเป็นก้อนเล็กๆ ใส่ครกตำ ก่อนนำไปถลุงจนได้เนื้อแร่ตามต้องการ นับเป็นวิธีการเลี้ยงแร่ที่เล่าขานสืบต่อกันมาของหลวงปู่จัน
ด้วยคำร่ำลือ สืบเนื่องมาแต่โบราณกาล จนกระทั่งปัจจุบัน นับเป็นเวลากว่า 100 ปีถึงพุทธานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระปิดตาแร่บางไผ่ หลวงปู่จัน วัดโมลี ซึ่งเกือบจะกลายเป็นตำนาน เนื่องจากหาพระปิดตาแร่บางไผ่แท้ๆ ชมได้ยากเต็มที ในสมัยก่อนนั้น มีผู้ที่ศรัทธาในพระปิดตาแร่บางไผ่ นำพระสมเด็จวัดระฆัง ไปแลกถึงจังหวัดนนทบุรีแต่เจ้าของพระปิดตาไม่ยอมแลกเปลี่ยนด้วย เพราะต่างหวงแหนและทราบถึงอานุภาพคุณวิเศษแห่งพระปิดตาเป็นอย่างดี ก็เพราะในความเชื่อมั่นในพุทธคุณ ที่หลวงปู่จันได้บรรจงรังสรรไว้อย่างพิถีพิถันใทุกกระบวนวิธีการสร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ของท่าน
ในด้านของพุทธคุณนั้น กล่าวกันว่าพระปิดตามหาอุตม์ดีทางเมตตามหานิยม อุดมโชค อุดมลาภ ค้าขายดี ซึ่งมีวิธีการอาราธนาโดยการแช่ในน้ำมันงา (เพื่อป้องกันสนิมแร่กัดกร่อนเนื้อพระ) เมื่อถึงคราวจะใช้ให้ตั้งนะโมฯ 3 จบแล้วต่อด้วย "พุทธัง อาราธนานัง ธัมมัง อาราธนานัง สังฆัง อาราธนานัง" พร้อมระลึกถึงบูรพาจารย์หลวงปู่จัน วัดโมลี นำน้ำมันงานั้นแตะหน้าผาก ก็จะแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม หรือใช้เจิมริมฝีปากเมื่อเจรจาการใดๆ เป็นที่รักใคร่ สำเร็จลุล่วงสมดั่งประสงค์ทุกประการ
พระปิดตา เนื้อแร่บางไผ่ วัดโมลี รุ่น 2 พิมพ์นี้เป็นพิมพ์นิยมสูงสุด คือพิมพ์หมวกแก๊ป หลังจากหลวงปู่จัน ท่านได้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่รุ่นแรกไว้แล้ว ทางวัดโมลีก็ไม่เคยสร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ออกมาอีกเลย
จนกระทั่งปี 2543 ทางวัดโมลีได้มีการเตรียมงานผูกพัทธสีมาผังลูกนิมิตรพระอุโบสถที่จะมีขึ้นในปี 2545 ทางวัดจึงดำริที่จะให้มีการสร้างพระปิดตาแร่บางไผ่รุ่น 2 ขึ้นมา วิธีการสร้างนั้นต้องการให้เหมือนรุ่นแรกมากที่สุด เป็นแบบหล่อโบราณ ทำแบบทีละองค์ พระทุกองค์จึงไม่เหมือนกัน
พระปิดตา เนื้อแร่บางไผ่ รุ่น 2 นี้จัดสร้างขึ้นในปี 2544 โดยวัดโมลีโดยตรงเนื่องจากทำยากและใช้เวลามาก ทางวัดได้มีการนำแร่บางไผ่จากบางคูลัดที่เดียวกันกับที่หลวงปู่จันท่านสร้างพระปิดตาบางไผ่รุ่นแรก พร้อมกับนำชนวนมวลสารพระปิดตาหลวงปู่จันรุ่นแรกมาหลอมรวมกันและเทลงเบ้าแบบหล่อโบราณที่วัด
หลังจากนั้นทางวัดได้จัดพิธีปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นในปี 2545 ในโอกาสงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตรพระอุโบสถวัดโมลี โดยในพิธีมีการบวงสรวงดวงวิญญาณหลวงปู่จันให้ท่านรับรู้และร่วมปลุกเสกด้วย พุทธคุณของพระปิดตาวัดโมลีนั้นทุกคนทราบดี จึงไม่ต้องพูดถึง ว่าสุดยอดแค่ใหน
รายชื่อพระเกจิที่ปลุกเสกพระปิดตา เนื้อแร่บางไผ่ วัดโมลี รุ่นย้อนยุค ปี 2545
1.สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( เกี่ยว อุปเสโน ) วัดสระเกศ ฯ
2.สมเด็จฯ วัดชนะสงคราม
3.สมเด็จฯ วัดสุทัศนเทพวราราม
4.หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม
5.พลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
6.หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ
7.หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย
8.หลวงพ่อทิม วัดพระขาว
9.หลวงพ่อฤาษีตาไฟ วัดถ้ำประทุน
http://board.palungjit.com/f15-2545-a-193457.html
24 ก.ย. 54
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น